เศรษฐกิจญี่ปุ่น บทเรียนจากภาวะเงินฝืดที่ยาวนานต่อประเทศไทย
เศรษฐกิจญี่ปุ่น บทเรียนจากภาวะเงินฝืดที่ยาวนานต่อประเทศไทย
Blog Article
จุดเริ่มต้นของวิกฤต
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเคยเฟื่องฟูในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตกในต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะเงินฝืดที่ยาวนาน ราคาที่ดินและหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้ธนาคารมีหนี้เสียจำนวนมาก ประชาชนและภาคธุรกิจลดการใช้จ่ายและการลงทุน เกิดวงจรของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ทศวรรษที่สูญหาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มาตรการแก้ไขและผลกระทบ
รัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการหลากหลายในการแก้ปัญหา ทั้งการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยการลดอัตราดอกเบี้ยจนเกือบเป็นศูนย์ การอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงการใช้นโยบายการคลังด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และยังส่งผลให้หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
บทเรียนสำหรับประเทศไทย
ประเทศไทยสามารถเรียนรู้บทเรียนสำคัญจากประสบการณ์ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น การกำกับดูแลสถาบันการเงินอย่างเข้มงวด การส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และการเตรียมพร้อมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังการใช้นโยบายการเงินและการคลังที่มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงและความยากลำบากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว
แนวทางการป้องกันและรับมือ
ประเทศไทยควรมีการวางแผนและดำเนินนโยบายเชิงป้องกันอย่างรอบคอบ เช่น การรักษาวินัยทางการคลัง การส่งเสริมการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ควรมีการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดที่หลากหลาย และการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น Shutdown123